จากปริมาณขายรวมเพิ่มขึ้น 62% คาดไตรมาส 2/2566 แนวโน้มการใช้น้ำมันโลกขยับสูงขึ้นจากธุรกิจการบิน การเปิดประเทศของจีนและความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในประเทศฟื้นคำพูดจาก เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด 2024
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจปิโตรเคมีในกลุ่ม ปตท. ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 301 ล้านบาท ปรับลดลง 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายสุทธิ 75,760 ล้านบาท ปรับลดลง 1%
ทั้งนี้ มีEBITDA เท่ากับ 2,020 ล้านบาท ลดลง 4,580 ล้านบาท หรือ 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสาเหตุมาจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 13% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง และปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 62% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 7,084 ล้านบาท หรือ 11.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 172% เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันดิบ (Crude Premium) ปรับตัวลดลง
ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 5,342 ล้านบาท หรือ 8.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 3,763 ล้านบาท ต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 6,399 ล้านบาท
ลุ้น IRPC ฟื้นพลิกกลับมากำไร Q1/66 โรงกลั่นเดินเครื่องเต็มกำลัง-จีนเปิดประเทศ
GPSC ไตรมาสแรก กำไร 1,118 ล้านบาท โต 257% อานิสงส์ขึ้นค่า Ft
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ IRPC กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 1/2566 ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในประเทศเริ่มฟื้นตัว จากการเปิดประเทศของจีนส่งผลต่อการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวสูงขึ้น ประกอบกับโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ กลับมาผลิตตามปกติหลังจากเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงใหญ่ในไตรมาส 4/2565 รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกในประเทศกลุ่มบรรจุภัณฑ์ (Packaging) และป้ายโฆษณา รวมทั้งช่วงฤดูร้อนยังสนับสนุนให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้แนวโน้มตลาดปิโตรเคมี ในช่วงไตรมาส 2/2566 ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับสูงขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่มีสต๊อกสินค้าระดับสูง ขณะที่ความต้องการในภูมิภาคยังคงระดับต่ำจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2/2566 คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักจากการเปิดประเทศของจีน รวมถึงธุรกิจการบินมีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวใกล้ถึงระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 สำหรับปริมาณสินค้า(อุปทาน) คาดว่าจะมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มโอเปกและพันธมิต มีมติลดการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมถึง 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถึงสิ้นปี 2566 ประกอบกับเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา รัสเซียได้ประกาศขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันดิบ 0.50 ล้านบาร์เรลต่อวันถึงสิ้นปี 2566 อย่างไรก็ดีคาดว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะมีแรงต้านจากความต้องการบางส่วนหายไป เนื่องจากเข้าสู่ฤดูปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/2566
ล่าสุด ณ วันที่ 10 พ.ค. 2566 ราคาหุ้น IRPC ก่อนเปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 2.44 บาทต่อหุ้น มูลค่าปรับลดลง 22% นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 66 ที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม:คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2566