วันที่ 20 พ.ย. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในไตรมาส 3 ปี 66 ขยายตัวได้ 1.5% แต่ชะลอลงจากไตรมาส 2 ปี 66 ที่ขยายตัวได้ 1.8% เนื่องจากการส่งออกของไทยหดตัวติดลบต่อเนื่อง 3 ไตรมาสในปีนี้ รวม 9 เดือน จีดีพีขยายตัวเพียง 1.9% คาดทั้งปี 66 จีดีพีขยายตัว 2.5% ซึ่งในช่วงปลายปีนี้โมเมนตัมด้านการส่งออกเริ่มกลับมา ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมให้ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย และทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ฟื้นตัวได้
สำหรับในปี 67 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปี 66 โดยคาดจีดีพีปี 67 ขยายตัว 3.2% อยู่ที่ช่วง 2.7-3.7% จากแรงส่งด้านการส่งออกที่กลับมา แต่มีความเสี่ยงต้องติดตามหลายเรื่องทั้งการล่าช้าของงบประมาณปี 67 ที่คาดว่าจะออกมาในเดือน เม.ย. 67 ทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมรองรับการเบิกจ่าย และการหารายได้ การสร้างรายได้ของรัฐบาล ทั้งนี้การประมาณการจีดีพีปี 67 ยังไม่รวมนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“คาดการณ์ปีหน้า ยังไม่ได้รวมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้องดูว่าสุดท้ายจะใช้วงเงินเท่าไร ขณะนี้รอคำวินิจฉัยกฤษฏีกาก่อนในเรื่องของแหล่งเงิน และยังไม่ได้คาดการณ์ว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยเศรษฐกิจได้เท่าไร”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายดนุชา กล่าวว่า ในปี 67 ยังต้องให้ความสำคัญกับหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ เพราะยังเป็นตัวฉุดรั้ง โดยปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90.7% ต่อจีดีพี และหนี้เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดกลางและรายเล็กยังต้องได้รับการแก้ไข จึงขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์เร่งปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะหนี้ธุรกิจที่เกี่ยวกับก่อสร้างจากเงินลงทุนภาครัฐ เพราะได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของงบประมาณ และภาคอสังหาฯ รายกลางรายเล็กเริ่มมีปัญหาที่ต้องเร่งเข้าแก้ไข ตอนนี้รัฐบาลเตรียมมาตรการแก้ปัญหาภาครัวเรือนและเอสเอ็มอี แก้ภาระหนี้ให้ดำเนินธุรกิจ และมีกำลังใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่อไปได้
นอกจากนี้ภัยแล้งยังเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้มีฝนตกแต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มขยายวงกว้าง รวมทั้งเตรียมการช่องว่างทางการคลัง (Policy Space) ที่เพียงพอ และติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ที่ยังมีปัญหาและข้อจำกัดอยู่
“ในปี 66-67 ต้องดำเนินนโยบายทางการคลัง สร้าง Policy Space ให้เพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างประเทศ การดำเนินนโยบายการเงิน ควบคู่กับการดูแลขยายตัวเศรษฐกิจและเสถียรภาพการเงิน แก้ไขหนี้เร่งด่วนด้วย ซึ่งเศรษฐกิจไทย ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ มิเช่นนั้นก็จะโตแค่ 3% กว่าๆ โดยเฉพาะภาคผลิตอุตสาหกรรม มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ต้องเร่งปรับโครงสร้าง ซึ่งจีดีพีปีหน้า 3.2% และปีนี้ 2.5% เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้”
ส่วนการที่รัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจโต 5% เชื่อว่าเป็นการตั้งเป้าหมายในการบริหารของรัฐบาล ต้องทำหลายส่วน ทั้งการส่งออก การลงทุน ต้องเร่งลงทุนเอกชน ต้องส่งเสริมเงื่อนไขการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย ภาคการท่องเที่ยวต้องปรับคุณภาพการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่นานขึ้นและใช้จ่ายมากขึ้น
“ถ้าดูตัวเลขเศรษฐกิจไทยหลังโควิด เจอความผันผวนและความเสี่ยงจากภายนอก เมื่อโควิดคลี่คลายแล้ว เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีกว่านี้ แต่มีปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลดเร็วกว่าคาด กระทบส่งออก แต่ในประเทศขยายตัวได้ดี บริโภคหรือภาคอื่นๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ แต่ถ้าต้องการเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีกว่านี้ ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเพราะเกี่ยวพันกับภาคการส่งออก”