เพราะหลังจากตัดสินใจไม่ต่ออายุข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำหรือ Black Sea Grain deal รัสเซียก็ได้ออกมาประกาศห้ามใช้เส้นทางในทะเลดำเดินเรือเพื่อมุ่งไปยังยูเครนโดยสิ้นเชิง และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรือรบลาดตระเวนของรัสเซียก็ได้ยิงขู่เรือขนสินค้าที่ใช้เส้นทางขนส่งในทะเลดำ ล่าสุดมีภาพระหว่างที่รัสเซียบีบบังคับให้เรือขนส่งสินค้าเข้ารับการตรวจเรือเผยแพร่ออกมา
เปิดภาพ "เรือไร้คนขับ" ของยูเครนพยายามโจมตีเรือกองทัพรัสเซีย
รัสเซียประกาศเตรียมเสริมกำลังบริเวณชายแดนทางตะวันตก
ภาพที่ถ่ายจากบนเรือขนส่งสินค้า “สุครา โอกัน” ขณะที่เฮลิคอปเตอร์รุ่น Ka-29 ของรัสเซียกำลังบินเทียบอยู่ใกล้ๆ กันจะเห็นว่าลูกเรือของเรือขนส่งพาณิชย์ลำดังกล่าวนั่งเรียงกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ ซึ่งมีรายงานออกมาภายหลังว่าลูกเรือมีทั้งหมด 12 คนและทุกคนเป็นชาวตุรกี ส่วนทหารเรือรัสเซียเกือบสิบนายที่เข้ามาตรวจเรือ ทยอยเดินออกมาจากภายในตัวเรือและทยอยกันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะบินออกห่างจากเรือ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเรือรบลาดตระเวน “วาซิลี บีคอฟ” เรือสัญชาติรัสเซียได้ยิงปืนอัตโนมัติขู่ตักเตือนไปที่เรือขนส่งสินค้าลำดังกล่าว ขณะที่กำลังแล่นอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลดำ ทางการรัสเซียอ้างว่า สาเหตุที่ต้องใช้ปืนอัตโนมัติยิงขู่เป็นเพราะขณะที่เรือขนส่งสินค้ากำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรืออิซมาอิล ท่าเรือบริเวณแม่น้ำดานูบของยูเครนและมีอาณาเขตใกล้ชายแดนของโรมาเนีย
กัปตันเรือขนส่งสินค้าลำดังกล่าวเพิกเฉยต่อคำร้องตรวจเรือของรัสเซีย จึงต้องมีการยิงตักเตือนเพื่อให้เรือยอมหยุดตรวจ
อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยออกมาว่าที่กัปตันเรือตัดสินใจไม่หยุดเรือเป็นเพราะขณะที่ได้รับสัญญาณเตือน บริเวณที่กำลังแล่นเรือผ่านคือน่านน้ำสากล
ล่าสุดสำนักข่าว CNN ได้สัมภาษณ์บริษัทขนส่งสัญชาติตุรกีที่เป็นเจ้าของเรือ สุครา โอกัน เกี่ยวกับเหตุการณ์รัสเซียยิงขู่เพื่อขอตรวจเรือ เจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ขณะที่เกิดเหตุภายในเรือนั้นว่างเปล่า ไม่ได้บรรทุกสินค้าอะไรและกำลังมุ่งหน้าไปรับธัญพืชจากท่าเรือดานูบเพื่อส่งไปยังท่าเรือในยุโรปและตุรกี โดยเส้นทางที่เรือขนส่งใช้เป็นเส้นทางขนส่งทางแม่น้ำดานูบ ซึ่งปกติจะต้องไปที่ท่าเรือซูลินาของโรมาเนียก่อน ก่อนที่จะแล่นเรือไปยังท่าเรืออิซมาอิลและนี่เป็นเส้นทางที่ใช้เดินเรือเป็นปกติคำพูดจาก สล็อต888
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเปิดเผยว่า หลังจากเรือรบรัสเซียยิงขู่เพื่อกดดันให้ทางการรัสเซียเข้าไปตรวจสอบเรือ การตรวจสอบไม่ได้มีผลทางลบจึงตัดสินใจเดินเรือไปยังท่าเรืออิซมาอิลตามแผนที่วางเอาไว้
พื้นที่ทะเลดำเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำอุ่นกว่า 30 แห่ง ซึ่งจำนวนหนึ่งเป็นท่าเรือของยูเครนที่ใช้ส่งออกสินค้าและเป็นทางผ่านที่สำคัญของเรือสินค้าที่สามารถเดินเรือผ่านไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ตลอดปี ทว่าเหตุการณ์เรือรบรัสเซียยิงขู่เรือพาณิชย์ได้สร้างความตึงเครียดในน่านน้ำทะเลดำเป็นวงกว้าง เพราะนั่นหมายความว่าเรือ
ขนส่งสินค้าใดๆ ก็ตามจะไม่ได้รับการการันตีความปลอดภัยอีกต่อไปจนกว่ารัสเซียจะยอมกลับมาเข้าร่วมข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชร่วมกับยูเครน ตุรกี และองค์การสหประชาชาติอีกครั้งล่าสุดมีรายงานออกมาแล้วว่า หลังเกิดเหตุการณ์ยิงเรือดังกล่าว ทำมห้เรือพาณิชย์หลายสิบลำจอดทอดสมออยู่ตามท่าเรือในทะเลดำ
ล่าสุดสำนักข่าวรอยสเตอร์รายงานว่า ขณะนี้มีเรือขนส่งหลายสิบลำที่กำลังทอดสมอรออยู่ตามท่าเรือบริเวณเส้นทางเดินเรือทะเลดำ หลังจากเกิดเหตุเรือรบรัสเซียยิงขู่เรือพาณิชย์ไปก่อนหน้านี้หนึ่งวัน
รอยเตอร์สอ้างอิงข้อมูลแผนที่เส้นทางเดินเรือจากเว็บไซต์ MarineTraffic ว่ามีเรือพาณิชย์อย่างน้อย 30 ลำที่ทอดสมอรออยู่บริเวณอ่าวมูซูรา บริเวณใกล้ท่าเรือซูลินาที่ประเทศโรมาเนีย ซึ่งอ่าวดังกล่าวเป็นช่องทางเชื่อมไปสู่ท่าเรืออิซมาอิลของยูเครน
ส่วนบริเวณอิซมาอิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางขนส่งผ่านแม่น้ำดานูบ มีเรือพาณิชย์อย่างน้อย 20 ลำ เช่นกันที่ทอดสมอจอดรออยู่ ส่วนบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือคอนสตันตา มีเรือขนส่งสินค้าทอดสมอรออยู่ที่อย่างน้อย 35 ลำ ซึ่งมากกว่าสัปดาห์ที่แล้วราว 15 ลำ
รอยเตอร์สระบุว่า เรือขนส่งเหล่านี้ ส่วนมากมีท่าเรือในโรมาเนียเป็นปลายทาง หลังจากข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชหมดอายุลง เส้นทางเดินเรือที่หลายฝ่ายรวมถึงยูเครนหันมาใช้เป็นเส้นทางขนส่งหลักสินค้าคือเส้นทางแม่น้ำดานูบ ซึ่งต้องผ่านโรมาเนีย
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าเส้นทางเดินเรือผ่านแม่น้ำดานูบมีขีดจำกัดที่ส่งผลให้ไม่สามารถขนส่งธัญพืชได้มากเท่าเส้นทางในทะเลดำ ส่วนเส้นทางขนส่งทางบกผ่านโรมาเนียโดยใช้รถไฟก็มีต้นทุนที่สูงและขนส่งได้ในปริมาณจำกัดเช่นกัน
ขณะที่ยูเครนต้องหันไปใช้เส้นทางผ่านแม่น้ำดานูบแทนเส้นทางในทะเลดำ ทางการโรมาเนียได้ออกมาประกาศแล้วว่า โรมาเนียจะเพิ่มขีดความสามารถในการขนถ่ายธัญพืชจากยูเครนและส่งไปยังท่าเรือคอนสตันตา ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือของโรมาเนีย
โซริน กรินเดียนู รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของโรมาเนียได้ออกมาระบุว่า โรมาเนียตั้งเป้าว่าจะเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายธัญพืชจากยูเครนไปยังท่าเรือคอนสตันตาขึ้นไปเป็นสองเท่าต่อเดือน แต่เดิมความสามารถในการขนส่งธัญพืชไปที่ท่าเรือคอนสตันตาอยู่ที่ 2 ล้านตันต่อเดือน หมายความว่าหลังจากนี้โรมาเนียพยายามจะเพิ่มปริมาณไปเป็น 4 ล้านตันในเดือนต่อๆ ไป
ก่อนรัสเซียจะถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืช หนึ่งในสี่ของปริมาณธัญพืชที่ยูเครนส่งออกจะขนส่งผ่านท่าเรือต่างๆ บริเวณปากแม่น้ำดานูบ ซึ่งรวมถึงท่าเรือคอนสตันตา แดน ดอลกิน ผู้อำนวยการท่าส่งออกของท่าเรือคอนสตันตาระบุว่า เมื่อปีที่แล้วมีธัญพืชจากยูเครนส่งผ่านมาที่ท่าเรือแห่งนี้กว่า 6 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่าไม่มีเส้นทางใดที่จะมาทดแทนเส้นทางขนส่งผ่านทะเลดำได้
และหากท่าเรือบริเวณแม่น้ำดานูบของยูเครนถูกโจมตีอีกครั้ง อย่างที่ท่าเรืออิซมาอิลและเรนีถูกโดรนของรัสเซียโจมตีไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยูเครนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะขณะนี้ 70% ของธัญพืชที่ส่งออกมาจากยูเครนต้องขนส่งต่อไปที่ท่าเรือคอนสตันตา
ขณะที่สถานการณ์ในทะเลดำกำลังทวีความตึงเครียดและอาจกลายเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งของสงครามยูเครน ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมืองลวิฟทางภาคตะวันตกของยูเครน
ส่วนหนึ่งของอาคารที่ได้รับความเสียหายจากขีปนาวุธที่รัสเซียยิงมายังเมืองลวิฟช่วงเช้ามืดตามเวลาท้องถิ่นในยูเครนส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้อาคาร
อันดรี ซาโดวี นายกเทศมนตรีเมืองลวิฟ ได้กล่าวผ่านวิดีโอขณะที่เขากำลังยืนอยู่ใกล้ๆ หลุมขนาดใหญ่หน้าอาคาร ซึ่งคาดว่าได้รับความเสียหายจากเศษชิ้นส่วนของขีปนาวุธ โดยระบุว่าหลุมลึกดังกล่าวเคยเป็นสนามเด็กเล่นของโรงเรียนอนุบาลมาก่อน แต่ตอนนี้เสียหายจากขีปนาวุธที่รัสเซียโจมตี
นายกเทศมนตรีเมืองลวิฟยังระบุอีกว่า นอกจากโรงเรียนอนุบาลและสนามเด็กเล่นที่ได้รับความเสียหายแล้ว ยังมีอาคารที่พักอาศัยของพลเรือนได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังและมีหน้าต่างกว่า 500 บานที่แตกจากแรงระเบิด อย่างไรก็ตาม
ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเมืองลวิฟครั้งนี้ ขณะที่ผู้บาดเจ็บมีจำนวนอย่างน้อย 15 ราย ประชาชนชาวเมืองลวิฟที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ความรุนแรงของการโจมตีครั้งนี้สร้างความหวาดผวาอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ
นอกจากนี้การโจมตียังเกิดขึ้นในแคว้นอื่นๆ ทางภาคตะวันตกของยูเครนเช่นกัน ห่างออกไปราว 150 กิโลเมตรทางตอนใต้ของแคว้นลวิฟ มีรายงานว่ารัสเซียโจมตีทางอากาศในแคว้นโวลินเช่นกัน โดยขีปนาวุธยิงถูกอาคารธุรกิจแห่งหนึ่งในเมืองลุตสก์ ศูนย์กลางของแคว้นโวลิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
นี่คือส่วนหนึ่งของการโจมตีที่เกิดขึ้นทั่วยูเครน กองทัพอากาศยูเครนออกมาระบุว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถสกัดขีปนาวุธของรัสเซียที่โจมตีมายังยูเครนได้ทั้งหมด 16 จาก 28 ลูก แต่ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าในจำนวนนี้โจมตีมาที่ลวิฟและโวลินกี่ลูก
อีกทั้งสองแคว้นนี้เป็นแคว้นที่มีพรมแดนติดกับชาตินาโตอย่างโปแลนด์ ที่ผ่านมา ภาคตะวันตกของยูเครนมักไม่เป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซีย สื่อท้องถิ่นในยูเครนระบุว่า นี่คือการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในแคว้นลวิฟนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำสงครามรุกรานยูเครน
ขณะที่รัสเซียยังคงโจมตีทางอากาศยูเครนอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนก็กำลังรุกคืบไปอย่างล่าช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์และคาดหวังหลายฝ่ายมองว่ายูเครนยังต้องได้รับความช่วยเหลือทางอาวุธจากชาติตะวันตกเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถบุกฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียไปได้ ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมากล่าวอ้างว่าอาวุธของรัสเซียได้แสดงประสิทธิภาพออกมาให้เห็นแล้วในสนามรบ
ภาพของเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียกำลังตรวจดูอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหารของชาติต่างๆ อย่างจีน อินเดีย และอิหร่าน ในงาน Army-2023 International Military-Technical Forum ซึ่งจัดขึ้นใกล้ๆ กับกรุงมอสโก
งานดังกล่าวเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้บริษัทผลิตอาวุธของรัสเซียได้จัดแสดงอาวุธและอุปกรณ์ทางการทหารต่างๆ โดยมีบริษัทจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมจัดแสดงด้วย
แต่ที่น่าสนใจคือคำกล่าวเปิดงานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียในปีนี้ ที่อ้างว่า อาวุธที่รัสเซียผลิตนั้นมีประสิทธิภาพและได้แสดงประสิทธิภาพให้เป็นที่ประจักษ์แล้วในสนามรบ ขณะที่อาวุธที่ผลิตโดยชาติตะวันตกนั้นยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ.